วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

โลกาภิวัตน์ : อินเทอร์เน็ตอนาคต

โลกาภิวัตน์ : อินเทอร์เน็ตอนาคต


เมื่อมองย้อนหลัง 10 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ได้เปลี่ยนแปลงโลกเรามากกว่าที่คิด หรือจินตนาการ มองง่ายๆ แค่เริ่มต้นที่บริษัท กูเกิ้ล (Google) ที่โด่งดังมากในโลกขณะนี้นั้น เจ้าของบริษัทสองคน 10 ปีก่อนยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหา วิทยาลัยสแตนฟอร์ดอยู่เลย ขณะนี้เราก็ใช้กูเกิ้ล เอิร์ธ (Google Earth) ดูแผนที่โลกได้ทุกหลังคาเรือนจนกระทั่งหลังคาบ้านของท่านทุกหลังคาหาได้จากเว็บไซต์นี้ ปิดความลับอะไรกันไม่ได้แล้ว แต่ก็จะมองว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในอนาคตสิบปีข้างหน้าเป็นเช่นไรนั้น น่าจะมองที่แนวโน้มใหญ่สักสามประการคือ แนวโน้มอันแรก การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งข้อความ ภาพและเสียงได้หมด ยังสามารถประยุกต์ใช้ในงานและเพื่อความสะดวกสบายได้อีกมาก

วินเซนต์ เซิร์ฟ (Vincent Cerf) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งอินเทอร์เน็ต ซึ่งขณะนี้ทำงานให้กับโครงการงานวิจัยชั้นสูง ให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เชื่อว่ายังมีสิ่งประดิษฐ์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของอินเทอร์เน็ตที่จะสร้างอีกถึง 90 เปอร์เซ็นต์ 10 ปีที่ผ่านมาแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตัวอย่างเช่นการใช้โทรศัพท์มือถือ ควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องบันเทิง เหมือนๆ กับรีโมตคอนโทรล ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทั้งโลก



ในอนาคตการติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศ และสถานีภาคพื้นดินก็จะใช้ลักษณะเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตแทนได้ ปัจจุบันใช้ระบบโทรคมนาคมผ่านไมโครเวฟ แนวโน้มที่สอง ในระหว่างที่ความเจริญเติบโตด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไปอย่างรวดเร็วนั้น สิ่งที่ควรระวังตามมาอย่างมากคือ การโจมตีระบบอินเทอร์เน็ต หรือ ไซเบอร์แอทแทค (Cyber attack) จากการสำรวจของฟิวอินเทอร์เน็ตซึ่งได้ถามถึงความเชื่อที่ว่ามีความปลอดภัยในระบบอินเทอร์เน็ตใน 10 ปีข้างหน้าอย่างไร ประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบบอกว่า จะต้องมีการถล่มโจมตีระบบอินเทอร์เน็ตโลกขนาดใหญ่แน่นอน ใน 10 ปีข้างหน้า ทางคุณโฮเวิร์ด ชมิธ (Howard Schmidt) ซึ่งก็นับว่าเป็นซาร์ทางระบบความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตนั้นบอกว่า สิ่งของทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อกาแฟ ไฟฟ้าในบ้าน ระบบเตือนภัย และสิ่งอื่นจะต้องมีชื่อที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตที่เขาเรียกว่า ไอพีแอดเดรส (Internet-Protocol address) และจะต้องมีเจ้าของควบคุมด้วย เช่น ระบบ อาร์เอฟไอดี– radio frequency identification tags ซึ่งจะเป็นแถบส่งสัญญาณวิทยุให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตำแหน่งใด ไปซื้อจากไหนมา จ่ายเงินที่ใด เพราะฉะนั้นการป้องกันระบบต้องสามารถสร้างระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันด้วยตนเองได้โดยรักษาไวรัสได้เอง ซ่อมตัวเองได้ ปรับระบบตัวเองได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องอาศัยคน



แนวโน้มสุดท้าย ที่จะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าไปเลยคืออุตสาหกรรมเรื่องข่าวและสิ่งพิมพ์ซึ่งจะต้องเข้าถึงตัวบุคคลกันเลยและสามารถให้ผู้รับข่าวสารนั้นได้ตอบโต้ทันทีและการใช้สื่อออนไลน์จะมีกันทั่วทั้งโลก จนกระทั่งทำให้รัฐบาลสามารถตรวจจับดักฟังประชาชนได้ว่าคิดอะไรอยู่ หลังเหตุการณ์ถล่มตึกแฝดที่นิวยอร์กเมื่อเดือนกันยายน วันที่ 11 หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเหตุการณ์ 9/11 นั้นรัฐบาลเห็นความจำเป็นที่จะต้องควบคุมประชาชนและผู้คนมากขึ้น เช่นที่สนามบิน การออกพาสปอร์ตฝังไมโครชิพชนิดใหม่ การออกบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็มีบางกลุ่มเห็นว่าก้าวล่วงสิทธิส่วนตัวของประชาชนมากไป มีการออกเสียงลงคะแนนผ่านอิเล็กทรอ นิกส์ได้ตลอดเวลา จะทำโพลถามความคิดเห็นก็จะ รู้ทันที จนกระทั่งมีการคาดเดาได้ว่าในปี 2014 ประธานาธิบดีของสหรัฐจะเป็นใครได้เลย แทบไม่ต้องลงคะแนนเลือกตั้งให้เสียเวลา

ดร.ไมค์ อัลวาเรช ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการการเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีแห่งเอ็มไอที ได้กล่าวไว้ว่า อินเทอร์เน็ตสามารถทำให้คนอเมริกันมาลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์ได้จากทุกส่วนของโลกโดยไม่ต้องมาที่หน่วยเลือกตั้ง ให้เสียเวลาเพราะมีระบบตรวจสอบตัวบุคคลให้แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือได้ของขั้นตอนการลงคะแนน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://artsmen.net/content/show.php?Category=cyberboard&No=3955



การประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ต

การประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ต

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าข้อมูลและบริการต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมากมายและหลายหลากประเภท ทำให้มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตกับงานในด้านต่างๆ มากมายจึงจะขอยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตพอสังเขป ดังนี้

ด้านการศึกษา

อินเตอร์เน็ตก็เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดยักษ์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปค้นหาและดึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว มีแหล่งข้อมูลความรู้จำนวนมหาศาลที่มีกระจายอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สังคมศาสตร์ ศิลปกรรมและอื่นๆ ทำให้นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย ครูอาจารย์ รวมถึงผู้ที่สนใจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย หรือการทำงานได้

ธุรกิจการค้า

เนื่องจากผู้ใช้ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจำนวนมากมายทั่วโลก ทำให้บริษัทห้างร้านต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินการของตนเองผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนี้ ปัจจุบันมีการให้บริการโฆษณาสินค้าบริการและการซื้อขายสินค้าบริการต่างๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า E-Commerce ซึ่งระบบนี้ผู้ซื้อสามารถเลือกดูสินค้า ตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ แล้วทำการสั่งซื้อ พร้อมทั้งชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตโดยหักจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตได้ทันที ทำให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการส่งเอกสาร บริษัทต่างๆ มีการขายสินค้า ผ่านอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้มีสินค้าจำหน่ายครบทุกประเภทเหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทีเดียว นอกจากนี้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ก็สามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ เช่น การตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และประกาศข่าวสารใหม่ๆ หรือกรณีที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ก็อาจแจกจ่ายโปรแกรมให้ทดลองใช้ หรือให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ (patch) แม้กระทั่งซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ ได้โดยตรงอีกด้วย

การเงินการธนาคาร

ปัจจุบันวงการการเงินการธนาคารในประเทศต่างๆ ค่อนข้างตื่นตัว และให้ความสนใจกับการออกบริการ ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้อยู่เสมอ ในจำนวนบริการใหม่ ๆ ของธนาคารที่น่าจับตามอง และได้รับการกล่าวถึงค่อนข้างมาก ได้แก่ ธนาคารบนอินเทอร์เน็ต (Internet Banking) อันหมายถึง ธนาคารที่ให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในบางธนาคารก็มีบริการที่มีชื่อคล้ายคลึงกันแต่ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย นั่นคือ ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Banking หรือ E-Banking ซึ่งหมายถึงธนาคารที่ให้บริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยสื่อที่นิยมใช้ได้แก่อินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่าบริการทั้งสองรูปแบบต่างก็มีการให้บริการต่างๆ ของธนาคารที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบยอดบัญชี การโอนเงิน การสั่งชำระค่าสินค้าและบริการ การตรวจสอบยอดค่าใช้จ่าย บัตรเครดิตการสั่งอายัติเช็ค เป็นต้น สำหรับการระบบชำระเงินค่าสินค้าและบริการแบบออนไลน์ ก็อีกบริการซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกระแส ความแรงของการทำ E-Commerce ทั่วโลก ที่มีความต้องการองค์กรกลางที่น่าเชื่อถือ อันได้แก่ธนาคาร เข้าไปมีบทบาทในเรื่องของการชำระเงินแบบออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยระบบนี้ทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการเป็นอย่างมาก

ความบันเทิง

สิ่งที่ดึงดูดใจแก่ผู้งานอินเตอร์เน็ตทุกเพศ ทุกวัย มากที่สุด ก็คือ ความสาระบันเทิงที่มีอยู่มากมายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การอ่านข่าวสารจากวารสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ จากเว็บไซต์ โดยมีเนื้อความและภาพประกอบเช่นเดียวกับสิ่งพิมพ์เหล่านั้นที่อ่านกันตามปกติ นอกจากนี้ยังสามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง หรือฟังเพลงผ่านอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย การค้นหาข้อมูลเพื่อใช้ในการพักผ่อนหย่อนใจ หรือสันทนาการต่างๆ ก็ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ได้เช่นกัน รวมทั้งการสนทนาพูดคุยระหว่างผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางเวบ-บอร์ดต่างๆ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ได้ทั้งความรู้ และความเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก

ที่กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งของผลที่เกิดจากการประยุกต์ใช้งานต่างๆ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่กำลังเริ่มเปลี่ยนสภาพเศรษฐกิจ และสังคมของโลกไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตของมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยที่อาจไม่ทันได้สังเกตเห็นหากว่ามีการนำอินเตอร์เน็ตไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีตามไปด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://fhashi.multiply.com/journal/item/1/1

ใช้โน้ตบุ๊คอย่างประหยัดพลังงาน

ใช้โน้ตบุ๊คอย่างไรจึงประหยัดพลังงาน

ถ้าหากคุณใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่และจำเป็นต้องใช้เป็นระยะเวลานาน สิ่งแรกที่ จะต้องคำนึงถึงคือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอยู่ ปกติแบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่างๆ และลักษณะการใช้งานถ้าหากคุณใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่และจำเป็นต้องใช้เป็นระยะเวลานาน สิ่งแรกที่ จะต้องคำนึงถึงคือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอยู่ ปกติแบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่างๆ และลักษณะการใช้งาน ดังนั้น ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการจัดการพลังงานของโน้ตบุ๊ค ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะใน Windows XP นั้นมีคุณสมบัติที่สนับสนุนการประหยัดพลังงานอย่างหลากหลาย


เริ่มต้นกับระบบประหยัดพลังงาน

ซีพียูของโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จะมีเทคโนโลยีปรับความเร็ว CPU เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น Intel เรียกว่า Speed Step และ AMD เรียกว่า PowerNow! ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ซีพียูสามารถปรับความเร็วให้เหมาะสมกับงานที่กำลังทำ เช่น หากกำลังพิมพ์งานอยู่ก็ไม่ต้องใช้ความเร็วในการประมวลผลมากมายนักซีพียูที่ปกติมีความเร็ว 1.6 GHz ก็จะปรับความเร็วลดลงเหลือเพียง 600 MHz ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมาก และทำให้สามารถใช้โน้ตบุ๊คได้นานขึ้นต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ผู้ใช้บางคนเมื่อตรวจสอบความเร็วซีพียู อาจจะตกใจว่าทำไมซีพียูจึงทำงานได้ช้ากว่าสเปคที่ซื้อมา ก็ไม่ต้องตกใจแต่อย่างใด โดยปกติ CPU จะตัดสินใจและปรับตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่แล้ว แต่คุณ ก็สามารถปรับแต่งการทำงานได้จากไบออสของเครื่องโน้ตบุ๊คเอง หรือปรับได้จากโปรแกรม จัดการพลังงานที่แถมมาพร้อมกับโน้ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.maesai-oa.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538718136&Ntype=5

การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค

วิธีการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ต ให้เหมาะกับตัวเรา




เราได้รู้จักประเภทจากบทความประเภทของโน๊ตบุ๊ตมาบ้างแล้ว ซึ่งหลักๆ มี 5 แบบด้วยกัน ก็พอจะรู้แล้วว่ามีแบบไหนให้เลือก แบ่งยังไงและเพื่อใคร เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ซื้อผิดประเภท หรือบาง Function ซื้อมาไม่เคยใช้ ใช้ไม่ถึงระดับความแรงของมัน ก็เสียเงินโดยใช้เหตุ ดังนั้นก่อนซื้อถามตัวเอง สำรวจตัวเอง ศึกษาข้อมูลก่อน เราขอแนะนำแบบนี้นะ

1.ซื้อไปทำอะไร
สำรวจตัวเองครับว่าจะซื้อไปเพื่อประโยชน์อันใด เช่น ถ้าซื้อมาเล่น Internet พิมพ์งานอย่างเดียว เอาแบบ 1-4 ก็คงจะพอแล้ว ไม่ต้องไปซื้อแบบที่ 5 ซึ่งถือว่าผิดประเภทและเสียตังค์โดยใช่เหตุ หรือชอบพกติดตัว ท่องเทียว เล่นตามร้านกาแฟNetbook/Ultraportable ก็เหมาะดี หรือเอามาแทน Desktop ที่บ้าน Home User หรือ Entertainment Notebook ก็เหมาะกว่า ถ้ากังวลว่าจะตัดต่อวีดีโอบ้างล่ะ จริงๆ ถ้าไม่ได้ทำเป็นอาชีพ Notebook ระดับนี้ก็ใช้ Software ตระกูล Adobe หรือ 3Dmax ได้เหมือนกันแต่จะทำงานช้ากว่าก็ไม่เสียหายอะไรถ้าปีหนึ่งตัดต่อวีดีโอนับครั้งได้

2.เงินทุน
ตั้งงบประมาณให้ดีครับ ว่ามีเงินทุนเท่าไหร่ เอาแบบไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินดีที่สุด อย่าไปเห่อตามแฟชั่นหรือกระแสที่มาแล้วก็ไป เช่น มีงบประมาณ 2-3 หมื่น ก็เหลือให้เลือกแค่ 1-4 แบบแรก เอามาเชื่อมกับเหตุผลการซื้อก็จะเหลือตัวเลือกน้อยลงแล้ว ถ้ายังอยากใช้ของแพงก็อดเปรี้ยวไว้กินหวานเก็บเงินก่อน

3.น้ำหนัก
เรื่องน้ำหนักถ้าเป็นคุณผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญ วิธีการตรวจสอบ คือ ลองยกดูนะครับ ถ้ายกครั้งแรกแล้วรู้สึกหนัก
ให้คิดไว้เลยนะครับว่าไหวมั้ย เพราะความหนักจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เวลาแบกมันไปนานๆ ต้องดูวัตถุประสงค์การใช้และเงินทุนให้ดี ก็จะรู้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา เช่น เอาไปไหนมาไหนด้วย แต่เงินทุนไม่มาก ใช้เล่นเน็ต/พิมพ์งานอย่างเดียว ไม่ชอบหนัก Netbook คือ คำตอบ แต่ถ้าเงินทุนเยอะหน่อย อย่าได้ความแรงเพิ่มหรือ Function พิเศษ ก็ Ultraportable กลับกันถ้าส่วนใหญ่ไม่ได้เอาไปไหนด้วย หรือเอาไปแต่ติดอยู่ในรถ จอขนาด 14-15 นิ้วจะเหมาะกับการใช้งานและพิมพ์งานกว่า

4.ความรักและความรู้สึก
อันนี้สำคัญนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันจะอยู่กับเราไปนานเป็นปี บางท่านอาจจะเลือกรายละเอียดได้แล้ว แต่ซื้อมาแล้วไม่ชอบ ไม่โดนเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรัก ความรู้สึก วัดยากมาก ดังนั้น ก่อนซื้อลองไปสัมผัสมันซักครั้ง ไปแตะมันก่อน ลองเล่น ลองพิมพ์ หรือเอาสีอะไรถึงจะเหมาะกับหน้าเรา โดนใจมั้ย จะได้ไม่ผิดหวัง และขอเตือนนิดหนึ่งครับ ถ้างบประมาณจำกัด อย่าไปสัมผัสพวก MacBook นะครับ โดนใจ แต่ไม่โดนตังค์ครับ มันเป็นสินค้าที่ขาย Design พร้อมๆ กับคุณภาพ

5.บริการหลังการขาย
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไม่ลืมว่ารับประกันกี่ปี รับประกันยังไง ดูแลถึงบ้านหรือเปล่า บางท่านอาจจะบอกว่าก็มีทุกเจ้านี่นา ครับมีทุกเจ้า แต่เราก็ต้องเลือก วิธีการเลือก เช่น ลองโทรไปที่เบอร์ Support ที่ติดไว้หลังเครื่องหรือข้างกล่องก่อนซื้อ ถ้าเจ้าไหนโทรไปมีแต่ระบบอัตโนมัติ โอนโน่นโอนนี่ รอไปเรื่อย สุดท้ายไม่ได้คุยกับคนเลย คุยกับระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ก็ไม่ไหวครับ ตอนเช็คก็ดูเวลาทำการด้วยนะครับ โทรไปตอน 2 ทุ่มเค้าอาจจะปิดแล้วก็ได้ หรือวิธีเช็คอีกอย่าง คือ การส่งศูนย์บริการ ถ้ามีศูนย์ของตัวเองอยู่ที่เดียว ถ้าจะส่งใกล้บ้านต้องไปส่งร้านซ่อมพันธมิตร อันนี้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เทียบกับบางเจ้ามีศูนย์บริการตามห้าง IT ทุกแห่ง อันนี้จะสะดวกหน่อย

เกือบลืมไปเรื่องของแถม อย่าไปนำมาเป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ เป็นส่วนประกอบได้บ้าง ถ้าเราเลือกได้แล้ว ว่าตัวนี้ใช่และตรงกับตัวเราแล้ว ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะของแถมบางอย่างซื้อมาไม่ได้ใช้ เช่น Printer ที่ราคาหมึกแพงกว่าตัวเครื่อง ใช้หมดก็ไม่ซื้อไปสั่งพิมพ์ที่ร้านถูกว่า และที่สำคัญของแถมมีทุกยี่ห้อ แถมกันหลักๆ คือ กระเป๋า และ RAM บางตัวแถมโปรแกรมป้องกันไวรัส ก็ถือว่าไม่ใช่จุดสำคัญในการเลือก เพราะปกติมีอยู่แล้วทุกตัวแต่ส่วนใหญ่อายุประมาณ 60 วัน ตัวที่แถมเพิ่มอาจจะมีอายุการใช้งาน 1 ปี แต่ลงท้ายก็เหมือนกันคือ ครบกำหนดจะต่ออายุก็ต้องเสียตังค์เหมือนเดิม


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siamnotebook.net/index.php/notebook-buying-guide/35-notebook-buying-guide/63-notebook-buying-by-yourself

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

แม่มดน้อยโดเรมี

แม่มดน้อยโดเรมี


แม่มดน้อยโดเรมี เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แนวสาวน้อยเวทมนตร์ แบบออริจินอล (แต่งเรื่องขึ้นมาเอง ไม่ได้สร้างจากหนังสือการ์ตูน) ที่ทาง โตเอ อนิเมชัน ไม่ได้สร้างมานานถึง 15 ปี แต่งโดย อาจารย์ อิซึมิ โตโด ต่อมาได้ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมมังงะ (วาดโดยอาจารย์ ชิซึเอะ ทาคานาชิ) และ เกม หลายภาคด้วยกัน
ข้อมูลพื้นฐานแม่มดน้อยโดเรมี
ชื่อ โดเรมี ฮารุคาเซะ ( Harukaze Doremi )
เกิด 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1990
ราศี สิงห์ (สิงโต)
กรุ๊ปเลือด บี
พ่อ เคสุเกะ ฮารุคาเซะ (นักเขียนประจำนิตยสารตกปลา)
แม่ ฮารุกะ ฮารุคาเซะ (ผู้ช่วยแม่บ้าน)
น้องสาว ป๊อป ฮารุคาเซะ
สีประจำชุดเวทมนตร์ สีชมพู
(แต่โดเรมี มักจะคิดว่าเป็นชุดสีแดง โดยเฉพาะตอนแปลงร่างเป็นขบวนการ โอจามาโจ เรนเจอร์)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/doremi.htm

เซเลอร์มูน

เซเลอร์มูน


ตัวเอกของเรื่อง ผู้แปลงร่างเป็น เซเลอร์มูน จุดเด่นคือผมสีทองที่ขมวดเป็นทรงกลมคล้ายลูกซาลาเปา 2 ข้างบนศีรษะ ทำให้ใครๆ ต่างก็ชอบเรียกเธอว่า "ยัยหัวซาลาเปา" รวมทั้ง มาโมรุ ชิบะ (สมัยที่ยังไม่รักกัน) ด้วย แม้ปกติแล้วอุซางิจะเป็นเด็กซุ่มซ่าม ขี้แย ผลการเรียนไม่เอาไหน กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง แต่เธอก็เป็นคนร่าเริงแจ่มใส จริงใจ และรักเพื่อนมาก ในอดีตชาติ อุซางิคือเจ้าหญิงเซเลนิตี้ แห่งอาณาจักรซิลเวอร์มิเลนเนียมที่อยู่บนดวงจันทร์ ส่วนในอนาคต เธอได้กลายเป็นนีโอควีนเซเลนิตี้ หรือมารดาของ อุซางิน้อย นั่นเอง
อุปกรณ์ที่ใช้แปลงร่างของ อุซางิ คือ ปากกาวิเศษ และ เข็มกลัดวิเศษ ที่ได้จากลูนาร์ โดยปากกาวิเศษใช้แปลงร่างเป็นใครก็ได้ตามต้องการ ส่วนเข็มกลัดวิเศษใช้แปลงร่างเป็น เซเลอร์ มูน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/moon.htm

หนูหิ่น

หนูหิ่น อินเตอร์


หนูหิ่น อินเตอร์ เป็นผลงานการ์ตูนชุด ของ ผดุง ไกรศรี หรือ "เอ๊าะ" ตีพิมพ์ลงในหนังสือการ์ตูน มหาสนุกตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2538 ต่อมาได้ทำเป็นแบบรวมเล่มและได้รับความนิยม จนนำไปสร้างภาพยนตร์ หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ หนูหิ่นได้รับการทำเป็นภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากความสนุก ตลก มันส์ ฮา และรวมถึงเนื้อเรื่องที่ทางทีมงานช่วงกันสร้าง เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ หนูหิ่นได้รับการทำเป็นภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากความสนุก ตลก มันส์ ฮา และรวมถึงเนื้อเรื่องที่ทางทีมงานช่วงกันสร้าง เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ประวัติหนูหิ่น
บ้านเกิด
บ้านโนนหินแห่
สถานภาพ โสด
อาหารจานโปรด อาหารอีสานทุกชนิด
ผู้ชายในฝัน คุณทอง พี่ชายข้างบ้าน
ปัจจุบันอาศัยอยู่กับ คุณมิลค์ คุณส้มโอ คุณพ่อคุณแม่คุณมิลค์

แหล่งที่มา http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/nuuhin.htm