วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

โลกาภิวัตน์ : อินเทอร์เน็ตอนาคต

โลกาภิวัตน์ : อินเทอร์เน็ตอนาคต


เมื่อมองย้อนหลัง 10 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ได้เปลี่ยนแปลงโลกเรามากกว่าที่คิด หรือจินตนาการ มองง่ายๆ แค่เริ่มต้นที่บริษัท กูเกิ้ล (Google) ที่โด่งดังมากในโลกขณะนี้นั้น เจ้าของบริษัทสองคน 10 ปีก่อนยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหา วิทยาลัยสแตนฟอร์ดอยู่เลย ขณะนี้เราก็ใช้กูเกิ้ล เอิร์ธ (Google Earth) ดูแผนที่โลกได้ทุกหลังคาเรือนจนกระทั่งหลังคาบ้านของท่านทุกหลังคาหาได้จากเว็บไซต์นี้ ปิดความลับอะไรกันไม่ได้แล้ว แต่ก็จะมองว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในอนาคตสิบปีข้างหน้าเป็นเช่นไรนั้น น่าจะมองที่แนวโน้มใหญ่สักสามประการคือ แนวโน้มอันแรก การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งข้อความ ภาพและเสียงได้หมด ยังสามารถประยุกต์ใช้ในงานและเพื่อความสะดวกสบายได้อีกมาก

วินเซนต์ เซิร์ฟ (Vincent Cerf) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งอินเทอร์เน็ต ซึ่งขณะนี้ทำงานให้กับโครงการงานวิจัยชั้นสูง ให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เชื่อว่ายังมีสิ่งประดิษฐ์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของอินเทอร์เน็ตที่จะสร้างอีกถึง 90 เปอร์เซ็นต์ 10 ปีที่ผ่านมาแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตัวอย่างเช่นการใช้โทรศัพท์มือถือ ควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องบันเทิง เหมือนๆ กับรีโมตคอนโทรล ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทั้งโลก



ในอนาคตการติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศ และสถานีภาคพื้นดินก็จะใช้ลักษณะเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตแทนได้ ปัจจุบันใช้ระบบโทรคมนาคมผ่านไมโครเวฟ แนวโน้มที่สอง ในระหว่างที่ความเจริญเติบโตด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไปอย่างรวดเร็วนั้น สิ่งที่ควรระวังตามมาอย่างมากคือ การโจมตีระบบอินเทอร์เน็ต หรือ ไซเบอร์แอทแทค (Cyber attack) จากการสำรวจของฟิวอินเทอร์เน็ตซึ่งได้ถามถึงความเชื่อที่ว่ามีความปลอดภัยในระบบอินเทอร์เน็ตใน 10 ปีข้างหน้าอย่างไร ประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบบอกว่า จะต้องมีการถล่มโจมตีระบบอินเทอร์เน็ตโลกขนาดใหญ่แน่นอน ใน 10 ปีข้างหน้า ทางคุณโฮเวิร์ด ชมิธ (Howard Schmidt) ซึ่งก็นับว่าเป็นซาร์ทางระบบความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตนั้นบอกว่า สิ่งของทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อกาแฟ ไฟฟ้าในบ้าน ระบบเตือนภัย และสิ่งอื่นจะต้องมีชื่อที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตที่เขาเรียกว่า ไอพีแอดเดรส (Internet-Protocol address) และจะต้องมีเจ้าของควบคุมด้วย เช่น ระบบ อาร์เอฟไอดี– radio frequency identification tags ซึ่งจะเป็นแถบส่งสัญญาณวิทยุให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตำแหน่งใด ไปซื้อจากไหนมา จ่ายเงินที่ใด เพราะฉะนั้นการป้องกันระบบต้องสามารถสร้างระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันด้วยตนเองได้โดยรักษาไวรัสได้เอง ซ่อมตัวเองได้ ปรับระบบตัวเองได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องอาศัยคน



แนวโน้มสุดท้าย ที่จะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าไปเลยคืออุตสาหกรรมเรื่องข่าวและสิ่งพิมพ์ซึ่งจะต้องเข้าถึงตัวบุคคลกันเลยและสามารถให้ผู้รับข่าวสารนั้นได้ตอบโต้ทันทีและการใช้สื่อออนไลน์จะมีกันทั่วทั้งโลก จนกระทั่งทำให้รัฐบาลสามารถตรวจจับดักฟังประชาชนได้ว่าคิดอะไรอยู่ หลังเหตุการณ์ถล่มตึกแฝดที่นิวยอร์กเมื่อเดือนกันยายน วันที่ 11 หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเหตุการณ์ 9/11 นั้นรัฐบาลเห็นความจำเป็นที่จะต้องควบคุมประชาชนและผู้คนมากขึ้น เช่นที่สนามบิน การออกพาสปอร์ตฝังไมโครชิพชนิดใหม่ การออกบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็มีบางกลุ่มเห็นว่าก้าวล่วงสิทธิส่วนตัวของประชาชนมากไป มีการออกเสียงลงคะแนนผ่านอิเล็กทรอ นิกส์ได้ตลอดเวลา จะทำโพลถามความคิดเห็นก็จะ รู้ทันที จนกระทั่งมีการคาดเดาได้ว่าในปี 2014 ประธานาธิบดีของสหรัฐจะเป็นใครได้เลย แทบไม่ต้องลงคะแนนเลือกตั้งให้เสียเวลา

ดร.ไมค์ อัลวาเรช ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการการเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีแห่งเอ็มไอที ได้กล่าวไว้ว่า อินเทอร์เน็ตสามารถทำให้คนอเมริกันมาลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์ได้จากทุกส่วนของโลกโดยไม่ต้องมาที่หน่วยเลือกตั้ง ให้เสียเวลาเพราะมีระบบตรวจสอบตัวบุคคลให้แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือได้ของขั้นตอนการลงคะแนน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://artsmen.net/content/show.php?Category=cyberboard&No=3955



การประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ต

การประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ต

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าข้อมูลและบริการต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมากมายและหลายหลากประเภท ทำให้มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตกับงานในด้านต่างๆ มากมายจึงจะขอยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตพอสังเขป ดังนี้

ด้านการศึกษา

อินเตอร์เน็ตก็เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดยักษ์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปค้นหาและดึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว มีแหล่งข้อมูลความรู้จำนวนมหาศาลที่มีกระจายอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สังคมศาสตร์ ศิลปกรรมและอื่นๆ ทำให้นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย ครูอาจารย์ รวมถึงผู้ที่สนใจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย หรือการทำงานได้

ธุรกิจการค้า

เนื่องจากผู้ใช้ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจำนวนมากมายทั่วโลก ทำให้บริษัทห้างร้านต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินการของตนเองผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนี้ ปัจจุบันมีการให้บริการโฆษณาสินค้าบริการและการซื้อขายสินค้าบริการต่างๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า E-Commerce ซึ่งระบบนี้ผู้ซื้อสามารถเลือกดูสินค้า ตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ แล้วทำการสั่งซื้อ พร้อมทั้งชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตโดยหักจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตได้ทันที ทำให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการส่งเอกสาร บริษัทต่างๆ มีการขายสินค้า ผ่านอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้มีสินค้าจำหน่ายครบทุกประเภทเหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทีเดียว นอกจากนี้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ก็สามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ เช่น การตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และประกาศข่าวสารใหม่ๆ หรือกรณีที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ก็อาจแจกจ่ายโปรแกรมให้ทดลองใช้ หรือให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ (patch) แม้กระทั่งซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ ได้โดยตรงอีกด้วย

การเงินการธนาคาร

ปัจจุบันวงการการเงินการธนาคารในประเทศต่างๆ ค่อนข้างตื่นตัว และให้ความสนใจกับการออกบริการ ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้อยู่เสมอ ในจำนวนบริการใหม่ ๆ ของธนาคารที่น่าจับตามอง และได้รับการกล่าวถึงค่อนข้างมาก ได้แก่ ธนาคารบนอินเทอร์เน็ต (Internet Banking) อันหมายถึง ธนาคารที่ให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในบางธนาคารก็มีบริการที่มีชื่อคล้ายคลึงกันแต่ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย นั่นคือ ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Banking หรือ E-Banking ซึ่งหมายถึงธนาคารที่ให้บริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยสื่อที่นิยมใช้ได้แก่อินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่าบริการทั้งสองรูปแบบต่างก็มีการให้บริการต่างๆ ของธนาคารที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบยอดบัญชี การโอนเงิน การสั่งชำระค่าสินค้าและบริการ การตรวจสอบยอดค่าใช้จ่าย บัตรเครดิตการสั่งอายัติเช็ค เป็นต้น สำหรับการระบบชำระเงินค่าสินค้าและบริการแบบออนไลน์ ก็อีกบริการซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกระแส ความแรงของการทำ E-Commerce ทั่วโลก ที่มีความต้องการองค์กรกลางที่น่าเชื่อถือ อันได้แก่ธนาคาร เข้าไปมีบทบาทในเรื่องของการชำระเงินแบบออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยระบบนี้ทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการเป็นอย่างมาก

ความบันเทิง

สิ่งที่ดึงดูดใจแก่ผู้งานอินเตอร์เน็ตทุกเพศ ทุกวัย มากที่สุด ก็คือ ความสาระบันเทิงที่มีอยู่มากมายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การอ่านข่าวสารจากวารสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ จากเว็บไซต์ โดยมีเนื้อความและภาพประกอบเช่นเดียวกับสิ่งพิมพ์เหล่านั้นที่อ่านกันตามปกติ นอกจากนี้ยังสามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง หรือฟังเพลงผ่านอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย การค้นหาข้อมูลเพื่อใช้ในการพักผ่อนหย่อนใจ หรือสันทนาการต่างๆ ก็ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ได้เช่นกัน รวมทั้งการสนทนาพูดคุยระหว่างผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางเวบ-บอร์ดต่างๆ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ได้ทั้งความรู้ และความเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก

ที่กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งของผลที่เกิดจากการประยุกต์ใช้งานต่างๆ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่กำลังเริ่มเปลี่ยนสภาพเศรษฐกิจ และสังคมของโลกไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตของมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยที่อาจไม่ทันได้สังเกตเห็นหากว่ามีการนำอินเตอร์เน็ตไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีตามไปด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://fhashi.multiply.com/journal/item/1/1

ใช้โน้ตบุ๊คอย่างประหยัดพลังงาน

ใช้โน้ตบุ๊คอย่างไรจึงประหยัดพลังงาน

ถ้าหากคุณใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่และจำเป็นต้องใช้เป็นระยะเวลานาน สิ่งแรกที่ จะต้องคำนึงถึงคือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอยู่ ปกติแบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่างๆ และลักษณะการใช้งานถ้าหากคุณใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่และจำเป็นต้องใช้เป็นระยะเวลานาน สิ่งแรกที่ จะต้องคำนึงถึงคือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอยู่ ปกติแบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่างๆ และลักษณะการใช้งาน ดังนั้น ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการจัดการพลังงานของโน้ตบุ๊ค ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะใน Windows XP นั้นมีคุณสมบัติที่สนับสนุนการประหยัดพลังงานอย่างหลากหลาย


เริ่มต้นกับระบบประหยัดพลังงาน

ซีพียูของโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จะมีเทคโนโลยีปรับความเร็ว CPU เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น Intel เรียกว่า Speed Step และ AMD เรียกว่า PowerNow! ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ซีพียูสามารถปรับความเร็วให้เหมาะสมกับงานที่กำลังทำ เช่น หากกำลังพิมพ์งานอยู่ก็ไม่ต้องใช้ความเร็วในการประมวลผลมากมายนักซีพียูที่ปกติมีความเร็ว 1.6 GHz ก็จะปรับความเร็วลดลงเหลือเพียง 600 MHz ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมาก และทำให้สามารถใช้โน้ตบุ๊คได้นานขึ้นต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ผู้ใช้บางคนเมื่อตรวจสอบความเร็วซีพียู อาจจะตกใจว่าทำไมซีพียูจึงทำงานได้ช้ากว่าสเปคที่ซื้อมา ก็ไม่ต้องตกใจแต่อย่างใด โดยปกติ CPU จะตัดสินใจและปรับตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่แล้ว แต่คุณ ก็สามารถปรับแต่งการทำงานได้จากไบออสของเครื่องโน้ตบุ๊คเอง หรือปรับได้จากโปรแกรม จัดการพลังงานที่แถมมาพร้อมกับโน้ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.maesai-oa.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538718136&Ntype=5

การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค

วิธีการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ต ให้เหมาะกับตัวเรา




เราได้รู้จักประเภทจากบทความประเภทของโน๊ตบุ๊ตมาบ้างแล้ว ซึ่งหลักๆ มี 5 แบบด้วยกัน ก็พอจะรู้แล้วว่ามีแบบไหนให้เลือก แบ่งยังไงและเพื่อใคร เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ซื้อผิดประเภท หรือบาง Function ซื้อมาไม่เคยใช้ ใช้ไม่ถึงระดับความแรงของมัน ก็เสียเงินโดยใช้เหตุ ดังนั้นก่อนซื้อถามตัวเอง สำรวจตัวเอง ศึกษาข้อมูลก่อน เราขอแนะนำแบบนี้นะ

1.ซื้อไปทำอะไร
สำรวจตัวเองครับว่าจะซื้อไปเพื่อประโยชน์อันใด เช่น ถ้าซื้อมาเล่น Internet พิมพ์งานอย่างเดียว เอาแบบ 1-4 ก็คงจะพอแล้ว ไม่ต้องไปซื้อแบบที่ 5 ซึ่งถือว่าผิดประเภทและเสียตังค์โดยใช่เหตุ หรือชอบพกติดตัว ท่องเทียว เล่นตามร้านกาแฟNetbook/Ultraportable ก็เหมาะดี หรือเอามาแทน Desktop ที่บ้าน Home User หรือ Entertainment Notebook ก็เหมาะกว่า ถ้ากังวลว่าจะตัดต่อวีดีโอบ้างล่ะ จริงๆ ถ้าไม่ได้ทำเป็นอาชีพ Notebook ระดับนี้ก็ใช้ Software ตระกูล Adobe หรือ 3Dmax ได้เหมือนกันแต่จะทำงานช้ากว่าก็ไม่เสียหายอะไรถ้าปีหนึ่งตัดต่อวีดีโอนับครั้งได้

2.เงินทุน
ตั้งงบประมาณให้ดีครับ ว่ามีเงินทุนเท่าไหร่ เอาแบบไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินดีที่สุด อย่าไปเห่อตามแฟชั่นหรือกระแสที่มาแล้วก็ไป เช่น มีงบประมาณ 2-3 หมื่น ก็เหลือให้เลือกแค่ 1-4 แบบแรก เอามาเชื่อมกับเหตุผลการซื้อก็จะเหลือตัวเลือกน้อยลงแล้ว ถ้ายังอยากใช้ของแพงก็อดเปรี้ยวไว้กินหวานเก็บเงินก่อน

3.น้ำหนัก
เรื่องน้ำหนักถ้าเป็นคุณผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญ วิธีการตรวจสอบ คือ ลองยกดูนะครับ ถ้ายกครั้งแรกแล้วรู้สึกหนัก
ให้คิดไว้เลยนะครับว่าไหวมั้ย เพราะความหนักจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เวลาแบกมันไปนานๆ ต้องดูวัตถุประสงค์การใช้และเงินทุนให้ดี ก็จะรู้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา เช่น เอาไปไหนมาไหนด้วย แต่เงินทุนไม่มาก ใช้เล่นเน็ต/พิมพ์งานอย่างเดียว ไม่ชอบหนัก Netbook คือ คำตอบ แต่ถ้าเงินทุนเยอะหน่อย อย่าได้ความแรงเพิ่มหรือ Function พิเศษ ก็ Ultraportable กลับกันถ้าส่วนใหญ่ไม่ได้เอาไปไหนด้วย หรือเอาไปแต่ติดอยู่ในรถ จอขนาด 14-15 นิ้วจะเหมาะกับการใช้งานและพิมพ์งานกว่า

4.ความรักและความรู้สึก
อันนี้สำคัญนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมันจะอยู่กับเราไปนานเป็นปี บางท่านอาจจะเลือกรายละเอียดได้แล้ว แต่ซื้อมาแล้วไม่ชอบ ไม่โดนเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรัก ความรู้สึก วัดยากมาก ดังนั้น ก่อนซื้อลองไปสัมผัสมันซักครั้ง ไปแตะมันก่อน ลองเล่น ลองพิมพ์ หรือเอาสีอะไรถึงจะเหมาะกับหน้าเรา โดนใจมั้ย จะได้ไม่ผิดหวัง และขอเตือนนิดหนึ่งครับ ถ้างบประมาณจำกัด อย่าไปสัมผัสพวก MacBook นะครับ โดนใจ แต่ไม่โดนตังค์ครับ มันเป็นสินค้าที่ขาย Design พร้อมๆ กับคุณภาพ

5.บริการหลังการขาย
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไม่ลืมว่ารับประกันกี่ปี รับประกันยังไง ดูแลถึงบ้านหรือเปล่า บางท่านอาจจะบอกว่าก็มีทุกเจ้านี่นา ครับมีทุกเจ้า แต่เราก็ต้องเลือก วิธีการเลือก เช่น ลองโทรไปที่เบอร์ Support ที่ติดไว้หลังเครื่องหรือข้างกล่องก่อนซื้อ ถ้าเจ้าไหนโทรไปมีแต่ระบบอัตโนมัติ โอนโน่นโอนนี่ รอไปเรื่อย สุดท้ายไม่ได้คุยกับคนเลย คุยกับระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ก็ไม่ไหวครับ ตอนเช็คก็ดูเวลาทำการด้วยนะครับ โทรไปตอน 2 ทุ่มเค้าอาจจะปิดแล้วก็ได้ หรือวิธีเช็คอีกอย่าง คือ การส่งศูนย์บริการ ถ้ามีศูนย์ของตัวเองอยู่ที่เดียว ถ้าจะส่งใกล้บ้านต้องไปส่งร้านซ่อมพันธมิตร อันนี้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เทียบกับบางเจ้ามีศูนย์บริการตามห้าง IT ทุกแห่ง อันนี้จะสะดวกหน่อย

เกือบลืมไปเรื่องของแถม อย่าไปนำมาเป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ เป็นส่วนประกอบได้บ้าง ถ้าเราเลือกได้แล้ว ว่าตัวนี้ใช่และตรงกับตัวเราแล้ว ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะของแถมบางอย่างซื้อมาไม่ได้ใช้ เช่น Printer ที่ราคาหมึกแพงกว่าตัวเครื่อง ใช้หมดก็ไม่ซื้อไปสั่งพิมพ์ที่ร้านถูกว่า และที่สำคัญของแถมมีทุกยี่ห้อ แถมกันหลักๆ คือ กระเป๋า และ RAM บางตัวแถมโปรแกรมป้องกันไวรัส ก็ถือว่าไม่ใช่จุดสำคัญในการเลือก เพราะปกติมีอยู่แล้วทุกตัวแต่ส่วนใหญ่อายุประมาณ 60 วัน ตัวที่แถมเพิ่มอาจจะมีอายุการใช้งาน 1 ปี แต่ลงท้ายก็เหมือนกันคือ ครบกำหนดจะต่ออายุก็ต้องเสียตังค์เหมือนเดิม


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siamnotebook.net/index.php/notebook-buying-guide/35-notebook-buying-guide/63-notebook-buying-by-yourself

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

แม่มดน้อยโดเรมี

แม่มดน้อยโดเรมี


แม่มดน้อยโดเรมี เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แนวสาวน้อยเวทมนตร์ แบบออริจินอล (แต่งเรื่องขึ้นมาเอง ไม่ได้สร้างจากหนังสือการ์ตูน) ที่ทาง โตเอ อนิเมชัน ไม่ได้สร้างมานานถึง 15 ปี แต่งโดย อาจารย์ อิซึมิ โตโด ต่อมาได้ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมมังงะ (วาดโดยอาจารย์ ชิซึเอะ ทาคานาชิ) และ เกม หลายภาคด้วยกัน
ข้อมูลพื้นฐานแม่มดน้อยโดเรมี
ชื่อ โดเรมี ฮารุคาเซะ ( Harukaze Doremi )
เกิด 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1990
ราศี สิงห์ (สิงโต)
กรุ๊ปเลือด บี
พ่อ เคสุเกะ ฮารุคาเซะ (นักเขียนประจำนิตยสารตกปลา)
แม่ ฮารุกะ ฮารุคาเซะ (ผู้ช่วยแม่บ้าน)
น้องสาว ป๊อป ฮารุคาเซะ
สีประจำชุดเวทมนตร์ สีชมพู
(แต่โดเรมี มักจะคิดว่าเป็นชุดสีแดง โดยเฉพาะตอนแปลงร่างเป็นขบวนการ โอจามาโจ เรนเจอร์)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/doremi.htm

เซเลอร์มูน

เซเลอร์มูน


ตัวเอกของเรื่อง ผู้แปลงร่างเป็น เซเลอร์มูน จุดเด่นคือผมสีทองที่ขมวดเป็นทรงกลมคล้ายลูกซาลาเปา 2 ข้างบนศีรษะ ทำให้ใครๆ ต่างก็ชอบเรียกเธอว่า "ยัยหัวซาลาเปา" รวมทั้ง มาโมรุ ชิบะ (สมัยที่ยังไม่รักกัน) ด้วย แม้ปกติแล้วอุซางิจะเป็นเด็กซุ่มซ่าม ขี้แย ผลการเรียนไม่เอาไหน กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง แต่เธอก็เป็นคนร่าเริงแจ่มใส จริงใจ และรักเพื่อนมาก ในอดีตชาติ อุซางิคือเจ้าหญิงเซเลนิตี้ แห่งอาณาจักรซิลเวอร์มิเลนเนียมที่อยู่บนดวงจันทร์ ส่วนในอนาคต เธอได้กลายเป็นนีโอควีนเซเลนิตี้ หรือมารดาของ อุซางิน้อย นั่นเอง
อุปกรณ์ที่ใช้แปลงร่างของ อุซางิ คือ ปากกาวิเศษ และ เข็มกลัดวิเศษ ที่ได้จากลูนาร์ โดยปากกาวิเศษใช้แปลงร่างเป็นใครก็ได้ตามต้องการ ส่วนเข็มกลัดวิเศษใช้แปลงร่างเป็น เซเลอร์ มูน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/moon.htm

หนูหิ่น

หนูหิ่น อินเตอร์


หนูหิ่น อินเตอร์ เป็นผลงานการ์ตูนชุด ของ ผดุง ไกรศรี หรือ "เอ๊าะ" ตีพิมพ์ลงในหนังสือการ์ตูน มหาสนุกตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2538 ต่อมาได้ทำเป็นแบบรวมเล่มและได้รับความนิยม จนนำไปสร้างภาพยนตร์ หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ หนูหิ่นได้รับการทำเป็นภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากความสนุก ตลก มันส์ ฮา และรวมถึงเนื้อเรื่องที่ทางทีมงานช่วงกันสร้าง เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ หนูหิ่นได้รับการทำเป็นภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากความสนุก ตลก มันส์ ฮา และรวมถึงเนื้อเรื่องที่ทางทีมงานช่วงกันสร้าง เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ประวัติหนูหิ่น
บ้านเกิด
บ้านโนนหินแห่
สถานภาพ โสด
อาหารจานโปรด อาหารอีสานทุกชนิด
ผู้ชายในฝัน คุณทอง พี่ชายข้างบ้าน
ปัจจุบันอาศัยอยู่กับ คุณมิลค์ คุณส้มโอ คุณพ่อคุณแม่คุณมิลค์

แหล่งที่มา http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/nuuhin.htm

โคนัน

โคนัน


คุโด้ ชินอิจิ Kud? Shin'ichi i ตัวละครจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ในฉบับภาษาอังกฤษใช้ชื่อว่า จิมมี คุโด (Jimmy Kudo) ชินอิจิเป็นนักเรียนชั้นปีที่ 2 โรงเรียนมัธยมปลายเทตันอายุ 17 ปี เป็นลูกชายของคุโด้ ยูซากุ และคุโด้ (ฟุจิมิเนะ) ยูกิโกะ เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม คลั่งไคล้ เชอร์ล็อค โฮมตามคุณ พ่ออย่างมาก พ่อแม่ไปอยู่ที่ลอส แองเจลิส ส่วนเขาก็อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นคนเดียวตั้งแต่อายุ 14 ปี เพราะได้รับอิทธิพลจากที่มีพ่อเป็นนักเขียน นิยายสืบสวน ทำให้เขามีบทบาทในฐานะนักสืบ ม.ปลาย ชินอิจิเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ ช่างสังเกต มีความมั่นใจในตนเอง และด้วยความที่ชินอิจิเป็นคนที่ค่อนข้างจะติดเก๊ก ทำให้เขาเนื้อหอมมาก มีสาวๆมาคลั่งไคล้มากมาย เขาเป็นเพื่อนห้องเดียวกับ โมริ รัน ลูกสาวของ โมริ โคโกโร่ เขามีความสามารถพิเศษหลายอย่างเช่น เล่นฟุตบอล ขับเฮลิคอปเตอร์ แต่ชินอิจิต้องการฝึกเพื่อเป็นทักษะของนักสืบเท่านั้น ชินอิจิไม่ชอบ ลูกเกด แต่ชอบ เลมอนพายมาก สิ่งที่แย่มากคือชินอิจิร้องเพลงไม่เก่ง และเพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้วันหนึ่งเขาได้เห็นการทำผิดกฎหมายขององค์กรมืดจึงถูกชายชุดดำ (จินและวอดก้า) เอายาให้กินจนตัวหดเล็กลง หลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองแล้ว คุโด้ ชินอิจิ ก็พยายามที่จะสืบหาองค์กรมืดนั้นเพื่อหายาแก้ เพื่อที่จะได้กลับไปตัวโตอีกครั้ง โดยใช้ชื่อปลอมว่า เอโดงาวะ โคนัน เเละมาอาศัยอยู่ที่บ้านของรันซึ่งมีพ่อเป็นนักสืบเอกชนที่ชื่อโมริโคโกโร่(นักสืบจอมเห่ย)
เอโดกาว่า โคนัน เป็นร่างที่ตัวเล็กลงเพราะโดนยาปริศนาขององค์กรลับคุโด้ ชินอิจิได้ไปเดทกับโมริ รันที่สวนสนุกแห่งหนึ่งและได้ไขคดีการฆาตกรบนเครื่องเล่นอันหนึ่ง ระหว่างทางกลับชินอิจิได้ไปเห็นชายชุดดำเจรจาแลกของต้องสงสัยจึงถูกทำร้ายด้านหลังและถูกจับกินยา aptx4869 เพื่อฆ่าเค้า แต่ยากลับทำให้เขาเป็นเด็ก และเขาก็เข้าไปอยู่บ้านของโมริ โคโกโร่ พ่อของรัน เพื่อจะติดตามหาชายชุดดำ แต่เนื่องจากเขาเป็นเด็ก จึงต้องอาศัยเครื่องมือจาก ดร. อากาสะ ใช้โคโกโร่เป็นทางผ่านของการคลี่คลายคดี เป็นนักเรียนชั้นประถม 1 ของโรงเรียนประถมเทตัน โคนันเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนักสืบเยาวชน โดยภาพรวมที่คนอื่นเห็นแล้วโคนันจะเป็นเด็กที่ฉลาดมีไหวพริบและมี ความคิดเป็นผู้ใหญ่ คงจะมีแต่โคโกโร่ที่เห็นว่าโคนันเป็นตัวเกะกะ และในตอนนี้ เขาก็กำลังตามหาข้อมูลของกลุ่มชายชุดดำอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้กลับมาเป็น...คุโด้ ชินอิจิอีกครั้งพ่อแม่ของชินอิจิคือคุโด้ ยูซากุ ฟูจิมิเนะ ยูกิโกะ มีคนที่รักชื่อรัน ต่อมาได้มีเด็กคนหนึ่งที่ชื่อ ไฮบาระ ไอ หรืออีกนามหนึ่งคือ มิยาโนะ ชิโฮะ โค้ดเนม เชอร์รี่ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รู้เบื้องหลังของโคนัน และมีนักสืบจากแดนตะวันออกชื่อฮัตโตริ เฮย์จิ ต้องการแข่งขันการสืบคดีกัยคุโด้ ชินอิจิ เค้าเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับโคนัน มีคนที่แอบหลงรักชื่อ โทโมยะ คาซึฮะกรมตำรวจก็มีคนที่รับหน้าที่ที่ต้องไปเจอกับโมริ โคโกโร่ บ่อย ๆคือ สารวัตร เมงูเระ โจซูซึ่งมีลูกน้องมือขวาชื่อ หมวดทาคางิ วาตารุและมีลูกน้องที่สวยและมีเสน่ห์อีกคนชื่อ หมวดซาโต้ มิวาโกะทั้ง 2 แอบปิ๊งกันเงียบ ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/konan.htm

การ์ฟิลด์

การ์ฟิลด์


การ์ฟิลด์ เป็นเจ้าแมวอ้วน สีส้ม มีลายสีดำ และมีความคิดเป็นของตัวเอง ดูจะมั่นใจในตัวเอง ด้วยนิสัยขวางโลก แต่ขี้เกียจเป็นที่สุด 2 สิ่งที่มันชอบที่สุดคือ การนอนและการกิน โดยเฉพาะ ลาซานญ่าซึ่งเป็นของโปรด นอกจากนี้ มันยังชอบดู ทีวี และชอบแกล้ง จอน ผู้เป็นเจ้าของ และ โอดี้ เจ้าหมาน้อยคู่กัด มันยังชอบทรมาน บุรุษไปรษณีย์เล่นๆ อาหารว่างของมันคือ นกขมิ้น มันปฏิเสธที่จะจับหนู แม้จะดูว่ามันชอบกินไปซะหมด แต่สิ่งที่มันเกลียดมาก คือ ผักขม และลูกเกด ส่วนที่ดีที่สุดของมัน คือ มันรักครอบครัว นั่นคือเจ้านายและโอดี้ แม้ถึงจะกัดกันบ่อยแค่ไหนก็ตาม
การ์ฟิลด์ เกิดในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ซึ่งเป็นวันปรากฏตัวครั้งแรก
การ์ฟิลด์ ( ภาษาอังกฤษ: Garfield) เป็น การ์ตูนช่องเรื่องสั้น เขียนโดย จิม เดวิส ตัวละครนำในเรื่องได้แก่ เจ้า แมวอ้วน การ์ฟิลด์ เจ้า หมาน้อย โอดี้ และหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเจ้าการ์ฟิลและโอดี้ จอน อาร์บัคเคิ้ล ในปี ค.ศ. 2006 การ์ตูนช่องเรื่องการ์ฟิลด์ถูกตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์กว่า 2, 570 ฉบับทั่วโลก หนังสือ กินเนสบุ๊คได้บันทึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนช่องที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลก [1] นอกจากนี้ ความสำเร็จของการ์ฟิลด์มิได้หยุดแค่ในหนังสือพิมพ์ การ์ฟิลด์ยังปรากฎโฉมในรูปแบบ การ์ตูนคอมมิค การ์ตูนแอนนิเมชั่น ภาพยนตร์ และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ อีกมากมายหลายรูปแบบ ถือเป็นการ์ตูนอเมริกันที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/garfield.htm

แฮมทาโร่

แฮมทาโร่


แฮมทาโร่ แก๊งจิ๋วผจญภัย เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น ที่วาดโดย ริสึโกะ คาวาอิ นักวาดการ์ตูน ชาวญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความน่ารักของเหล่า แฮมสเตอร์หลากหลายตัว โดยมีแฮมทาโร่เป็นตัวชูโรง ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อนิเม ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น และอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ที่มาและความสำเร็จของแฮมทาโร่
ในเดือน เมษายน ค.ศ. 1997 คาซึฮิโกะ คุโรคาวะ ผู้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสารโชงาคุนิเน็งเซ ในสมัยนั้น ได้เสนอความคิดว่า น่าจะเอาแฮมสเตอร์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ มาเป็นตัวเอกการ์ตูนบ้าง ประจวบกับที่ตัวผู้แต่ง ริสึโกะ คาวาอิ เองก็เลี้ยงแฮมสเตอร์เป็นสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว การ์ตูนที่มีตัวเอกเป็นแฮมสเตอร์อย่างเรื่อง แฮมทาโร่ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา
จากนั้นในปี ค.ศ. 2000 แฮมทาโร่ก็ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเม ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 น. (ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) ทางสถานี ทีวีโตเกียว โดยหลังจากที่ออกฉายก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในหมู่ผู้ชม ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งจากความนิยมอย่างล้นหลามในญี่ปุ่นนี้เอง แฮมทาโร่จึงได้ถูกนำไปออกอากาศในหลายๆประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงิน OVA และ เกมอีกหลากหลายภาค ส่งผลให้แฮมทาโร่กลายเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิตอีกตัวหนึ่งที่โด่งดังมากไม่แพ้ โดราเอมอน หรือ โปเกมอน เลย
ข้อมูลพื้นฐานของแฮมทาโร่
ชื่อญี่ปุ่น ฮามุทาโร่
ชื่ออังกฤษ Hamtaro
เพศ ผู้
วันเกิด 6 สิงหาคม
ราศี สิงห์
สูง 8.6 ซม.
ลักษณะนิสัย
แฮมสเตอร์ตัวน้อยที่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเป็นอย่างดี มีนิสัยร่าเริง และมักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นฮีโร่ในดวงใจของแฮมสเตอร์ทุกตัว ชอบริบบ้อนจัง และตัวริบบ้อนจังเองก็ชอบเขาด้วยเหมือนกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/hamtaro.htm

ชินจังจอมแก่น

ชินจัง


ชินจังจอมแก่น เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แนวตลกขบขันเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ชินจังเป็นการ์ตูนที่น่าสนใจ มีลายเส้นง่าย ๆ ตลก และใกล้ตัว อ่านแล้วอารมณ์ดี. แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ในวงกว้างว่า ทำให้เด็กวัยเดียวกันก้าวร้าว และเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชินจัง
(โนะฮาร่า ชิโนสึเกะ ; Nohara Shinosuke) เด็กอนุบาลวัย 5 ขวบสุดแก่น มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อ (ฮิโรชิ) เช่น ชอบผู้หญิงหุ่นดีหน้าตาดี และยังชอบอาบน้ำกับพ่อมาก . แม่ของชินจัง (มิซาเอะ) มีนิสัยขี้เหนียวและขี้โมโห.ชินจังมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อฮิมาวาริ. ครอบครัวของชินจังเลี้ยงหมาหนึ่งตัว ชื่อเจ้าขาว (ชิโร่). เพื่อน ๆ ของชินจังที่พบในเรื่องบ่อย ๆ คือ คาซาม่าคุง, เนเน่จัง, มาซาโอะคุง, และ โบจัง ชินจังมักมีท่าแปลกๆ เช่น ท่ามนุษย์ต่างดาวนู้ดครึ่งก้น ท่าที่เอา กางเกงในมาครอบหัว โดยทำเหมือนกับว่ามันเป็น หน้ากาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pirun.ku.ac.th/~b4913411/shinchan.htm

น้องหมีพู

หมีพู


วันนี้ขอนำเสนอ ชีวิตน่ารักๆ ของพู
ประวัติ pooh
หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง! อืม... แต่จะทำอย่างไร หากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น “งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก) วันนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า (และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย) แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบินหรือที่ใคร ๆเรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม ..ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน ‘When We Were Very Young’) คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์ (ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาในปี 1921 ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s Readi Children’s Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://thaigoodview.com/node/24254

มิกกี้เมาส์

มิกกี้เมาส์


มิกกี้เมาส์ โดนัลด์ดั๊ก หมาพลูโต และผองเพื่อน เปิดม่านฉายความหลังของค่ายราชาการ์ตูน วอลต์ ดิสนีย์ ว่าก่อกำเนิดเมื่อ ค.ศ.1919 จากการประสานมือระหว่าง นายวอลต์ ดิสนีย์ กับนายเอ๊บ ไอเวอร์ก มีสำนักงานศิลปะเล็กๆ ณ เมืองเคนซัสซิตี้ รัฐแคนซัส ผลิตภาพยนตร์โฆษณาเป็นภาพวาดความยาวประมาณ 2 นาที สำหรับฉายตอนเริ่มต้นในโรงภาพยนตร์ท้องถิ่น และสร้างภาพยนตร์จากภาพวาดการ์ตูนชุด Laugh-O-Grams กับอีกชุดเป็นเทพนิยายยาว 7 นาที เรื่อง Alice in Cartoonland แต่ถูกผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในนิวยอร์กฉ้อโกง ทั้งคู่จึงเดินทางสู่ลอส แองเจอลิส เริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้งโดยมี รอย ดิสนีย์ พี่ชายของวอลต์ นั่งเก้าอี้ผู้จัดการ โครงการหนังการ์ตูน Alice in Cartoonland ถูกสานต่อ พร้อมการแจ้งเกิดของตัวการ์ตูนตัวใหม่ "กระต่ายออสวอลด์" จัดจำหน่ายได้ถึงตอนละ 1,500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งยามนั้นนับว่ามหาศาล ดิสนีย์และไอเวิกส์สามารถดำเนินธุรกิจเล็กๆ ของตนต่อไปได้ วันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1923 เป็นวันก่อตั้งบริษัทที่เปลี่ยนชื่อเดิมจาก "ดิสนีย์ บราเธอร์ส การ์ตูนสตูดิโอ" เป็น "วอลต์ ดิสนีย์สตูดิโอ" ตามคำแนะนำของพี่รอย ฤกษ์งาม 16 ต.ค. ได้มาจากวันที่บริษัทเอ็มเจ วิงเลอร์ ตกลงยอมเป็นผู้จัดจำหน่ายการ์ตูนเรื่องใหม่ที่สร้างสรรค์จากวรรณกรรมเยาวชน Alice in Wonderland "วอลต์ ดิสนีย์สตูดิโอ" มีสำนักงานอยู่บนถนนคิงส์เวลล์ในฮอลลีวู้ด ก่อนเก็บเงินเก็บทองขยับขยายไปยังแห่งใหม่ที่สตูดิโอไฮเปอเรียน ปี 1927 วอลต์ ดิสนีย์ พยายามเจรจาต่อรองเรื่องค่าตอบแทนภาพยนตร์การ์ตูนกระต่ายออสวอลด์ กับบริษัทจัดจำหน่าย เขาได้รู้ว่าฝ่ายหลังไม่ซื่อสัตย์โดยทำสัญญาว่าจ้างนักเขียนการ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ เพื่อสร้างการ์ตูนออสวอลด์ขึ้นมาเอง บทเรียนครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ต้องสูญเสียตัวออสวอลด์ให้กับความไม่รู้สีสาของตน และไม่ซื่อของคนอื่น หลังจากเสียการ์ตูนตัวเด่น คือ กระต่ายออสวอลด์ไปแล้วก็เสียไป สร้างใหม่ก็ได้
บัดเดี๋ยวนั้น "หนู" ตัวหนึ่งก็เกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือของไอเวอร์กผู้ควบตำแหน่งหัวหน้าทีมวาดการ์ตูนของเขา หนูชื่อ "มิกกี้ เมาส์" ได้คะแนนนิยมเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลก ต่อมา ดิสนีย์ออกตัวการ์ตูน "ซิลลี ซิมโฟนี" เพื่อให้เข้ากับชุดกับมิกกี้ เมาส์ ซิลลี ชิมโฟนีเป็นการ์ตูนสีตลอดเรื่องๆ แรกของโลก ได้รับรางวัลชนะเลิศจากงานประกวดการ์ตูนหลายเวที และนับจากนั้นตลอดทศวรรษ การ์ตูนของดิสนีย์ก็ไม่เคยพลาดรางวัลออสการ์แม้แต่ปีเดียว ขณะที่หนังการ์ตูนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การผลิตสินค้าแปะโลโก้ตัวการ์ตูนออกจำหน่าย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัท จึงมีสินค้าตัวการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ออกมา หนังสือมิกกี้เมาส์เล่มแรกก็ได้รับการตีพิมพ์ในปีค.ศ.1930 พร้อมๆ กับการตีพิมพ์การ์ตูน มิกกี้ เมาส์ ในหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรก 13 ปีต่อมา วอลต์ ดีสนีย์ปรารภกับเหล่านักวาดการ์ตูนของเขาว่าอยากจะผลิตหนังการ์ตูนเรื่องยาวบ้าง ว่าแล้วก็เล่าเรื่อง สโนไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ดให้เด็กโค่งทั้งหลายฟัง ทุกอย่างจึงได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยระยะเวลานาน 3 ปี ที่ทีมงานทุ่มเท ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว สโนไวต์ เสร็จสมบูรณ์ออกฉายในช่วงคริสต์มาสปี 1937 และเป็นเจ้าของสถิติภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุด ก่อนจะถูก วิมานลอย Gone with the wind สอยคะแนนไป ดิสนีย์ลุยสร้างหนังการ์ตูนเรื่องยาวอย่างจริงจัง เรื่องต่อๆ มา ได้แก่ Pinocchio และ Fantasia ปีแห่งความสำเร็จของดิสนีย์ คือ 1950 ด้วยภาพยนตร์การ์ตูนแอ๊กชั่นเรื่องแรก Treasure Island ควบคู่กับการ์ตูนคลาสสิก Cinderella ทั้งมีรายการเกมโชว์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก และเริ่มจริงจังกับรายการชุดที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1954 ชุด ดิสนีย์ แลนด์ ตามด้วยมิกกี้ เมาส์ คลับ เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน อีกก้าวสำคัญของดิสนีย์ คือสวนสนุก ดิสนีย์ แลนด์ แห่งแรกของโลกเปิดเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 1955 ดิสนีย์ แลนด์ มีอายุจวนเจียนจะ 50 เมื่อวอลต์ ดีสนีย์ กล่าวว่า ดิสนีย์ แลนด์ จะไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์ตราบใดที่มนุษยชาติยังมีจินตนาการ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://thaigoodview.com/node/24254

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

ครอบครัวโดราเอม่อน

Doraemon - โดราเอม่อน


โดราเอม่อนเป็นแมวหุ่นยนต์ในศษตวรรษที่ 22 แห่งโลกอนาคต อาหารที่เขาโปรดปรานที่สุดคือขนมโดรายากิ ทำด้วยถั่วแดงและแป้งหวาน โดราเอม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2655 หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือหนู เพราะว่าโดราเอม่อนเคยถูกหนูกินหูของตัวเองจนทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นแมวหุ่นยนต์ที่ไม่มีหู ในกระเป๋าหน้าท้องของโดราเอม่อนมีของวิเศษมากมายที่ใช้คอยช่วยเหลือโนบิตะในศตวรรษที่ 20 เพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในโลกอนาคตนั่นเอง

Dorami – โดเรมี่



หุ่นยนต์แมวน้องสาวของโดราเอม่อน เป็นหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นหลังจากสร้างโดราเอม่อนไม่นานจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าพี่ชาย มีตัวสีเหลือง หูสีแดง โดเรมี่มีของวิเศษเหมือนพี่ชายทุกอย่างและใช้ได้ดีกว่าอีกด้วย เขาเป็นน้องสาวที่ดีคอยช่วยเหลือโนบิตะและโดราเอม่อน แต่โดเรมี่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับโนบิตะและโดราเอม่อน แต่เขาอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 และโดเรมี่จะปรากฎตัวทุกครั้งในสถานะการที่โดราเอม่อนไม่สามารถควบคุมได้

Nobita Nobi - โนบิตะ โนบิ



โนบิตะเป็นตัวละครหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ จะว่าเป็นพระเอกเลยก็ว่าได้ มีคาเรคเตอร์ส่วนตัวคือ ขี้เกียจ , ขี้แง , ไม่เคยพึงพาตัวเอง และอ่อนแอ โนบิตะหลงรักชิซูกะเพื่อนหญิงในกลุ่มเดียวกัน และหวังว่าจะได้แต่งงานกับชิซูกะในอนาคต โนบิตะสอบได้คะแนน 0 เสมอ แถมยังโดนเพื่อน ๆ แกล้งทุกตอนอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเดินเรื่องหลักของการ์ตูนเรื่องนี้ ชีวิตประจำวันของโนบิตะคือ ไปโรงเรียนสายทุกวัน , โดนครูทำโทษทุกครั้งโดยต้องออกไปยืนถือถังน้ำหน้าห้องเพราะสอบตก , โดนหมาไล่กัดประจำ , นอนหลับทุกครั้งตอนทานอาหารเย็นแล้วถูกแม่ดุ , แล้วเขาก็ตื่นสายอีกครั้งในเช้าวันต่อมา ...

Minamoto Shizuka - โมนะโมโต ชิซูกะ



ตัวละครหลักอีกตัวที่ใคร ๆ ก็หลงรัก ชิซูกะเธอเป็นนางเอกของเรื่องที่โนบิตะต้องการจะแต่งงานด้วยในอนาคต เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักเรียนเก่ง และในอนาคตเธอจะเป็นจ้าวสาวของโนบิตะจริงๆ แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ ชิซูกะชอบอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ , ใจดี , และให้อภัยกับทุก ๆ คน เธอเป็นเด็กดีเรียนเก่งได้คะแนนสอบดีมาก ตรงกันข้างกับสามีในอนาคตของเธออย่างโนบิตะที่ได้ 0 คะแนนทุกครั้ง

Honekawa Suneo - โฮเนคาว่า ซูเนโอะ

ซูเนโอะถูกสร้างขึ้นโดยมีจิตนาการให้มีหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากแหลม เขาชอบคุยโวให้เพื่อน ๆ ฟังเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาถึงฐานะทางบ้าน และซูเนโอะยังเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกด้วย เขาได้ทุกสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังอยากได้อย่างยากเย็น ในขณะที่เขาจะมีทุกอย่างอยู่แล้วเพราะเขาเป็นเด็กชายที่จะเรียกว่าคุณชายเลยทีเดียว และมักเอาขอบเล่นแพง ๆ มาอวดเพื่อนและสุดท้ายก็โดนไจแอนท์แย่งไปทุกครั้ง ซูเนโอะเป็นเพื่อนสนิทกับไจแอ้นท์ และชอบรังแกโนบิตะ ซูเนโอะยังคอยเป่าหูไจแอนท์ให้รังแกโนบิตะเสมอ และยังแอบหลงรักชิซูกะอีกด้วย แต่ซูเนโอะก็มีนิสัยดีอยู่บ้าง

Honekawa Suneo - โกดะ ทาเคชิ



เด็กผู้ชายตัวอ้วน และแข็งแรง ชอบแกล้งโนบิตะแต่เมื่อถึงเวลาคับขันก็จะช่วยคนอื่น ชื่อจริงชื่อทาเคชิ มีน้องสาวหนึ่งคนรักน้องสาวมาก กลัวแม่เป็นที่หนึ่ง มักจะทำคะแนนสอบไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เท่าโนบิตะ ไจแอนท์ไม่ค่อยชอบซูเนโอะและโนบิตะ ที่มักจะมีของเล่นแปลกๆอยู่เสมอ ชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เขามักจะ บังคับให้เพื่อนๆไปดูคอนเสิร์ตของเขาเสมอ แต่ร้องไม่เอาไหน จนคนที่ฟังอยู่ต้องคอยอุดหูไว้ตลอด มีความฝันว่า โตขึ้นจะต้องเป็นนักร้องเหมือนพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตยให้ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://dek-d.com/board/view.php?id=560100

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

CHARMMY

ชื่อ CHARMMY


วันเกิด 31 ตุลาคม 2004 (ไม่มีใครรู้วันเกิดที่แท้จริงของเธอ...)
ประวัติ
พ่อและแดเนียลมอบแมวเปอร์เซียสีขาวชื่อว่า Charmmy ให้เป็นของขวัญแก่ Kitty แต่เพราะไม่มีใครรู้วันเกิดที่แท้จริงของ Charmmy พ่อและแดเนียลจึงตั้งให้วันที่พวกเขามอบ Charmmy ให้แก่ Kitty เป็นวันเกิดของเธอ
บุคลิก
Charmmy เป็นแมวน้อยที่แสนจะเงียบขรึมและมารยาทดี เชื่อฟังแต่บางครั้งก็หยิ่ง ในบรรดาสิ่งของที่ Kitty มีทั้งหมด Charmmy จะชอบชิ้นที่มีสีสันสดใส และเป็นประกายระยิบระยับมากที่สุด Kitty ผูกโบว์ลายลูกไม้ให้ ที่หูซ้ายเป็นของขวัญแก่ Charmmy แต่สัญลักษณ์ประจำตัวของเธอก็คือสร้อยคอที่ห้อยลูกกุญแจกล่องเครื่องประดับของ Kitty

KITTY

ชื่อ KITTY



วันเกิด 1 พฤศจิกายน (1974)
สถานที่เกิด ชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ที่อยู่ Kitty
อาศัยที่บ้านสีขาวหลังคาแดง ห่างจากตัวเมืองลอนดอน 20 กิโลเมตร ในเมืองที่ไม่มีใครทราบชื่อซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 ชีวิต คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้ได้ ภายใน 20 นาทีโดยรถยนต์ หรือ 30 นาทีโดยรถเมล์
สิ่งที่ชอบ
ของชิ้นเล็กๆน่ารักๆเหมือนตัวเธอนั่นเอง เธอสะสมดาวดวงเล็กๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอ หากมีเวลาว่าง Kitty มักจะตรงดิ่งไปยังร้านลูกกวาดเสมอ เธอชอบลูกกวาดมากๆเลยล่ะ !

จุดเด่น
สิ่งที่ทำให้ทุกๆคนจดจำ Kitty ได้เสมอก็คือริบบิ้นสีแดงที่หูซ้ายของเธอและปุยหางอันฟูฟ่องของเธอนั่นเอง
ชายในสเป็ค Kitty
ชอบผู้ชายที่ใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของ Kitty ก็คือ Dear Daniel และเมื่อ Dear Daniel ได้เดินทางไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่แอฟริกา Kitty ก็ได้หันมาคบกับ Tippy หมีหนุ่มเพื่อนร่วมชั้น
ความใฝ่ฝัน นักเปียโนหรือกวี
บุคลิก Kitty
เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดี เธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทานพายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า "Mimmy" นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาวและ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน
เธอโปรดปราน
การตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า "ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป"ด้วยเหตุนี้นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อย
ที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน
คุณรู้มั้ย?
- Kitty ชอบแปรงฟันด้วยยาสีฟันกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เธอห้ามใจแทบไม่ไหวทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสตรอเบอร์รี่
- Kitty มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยานสามล้อ คันเล็กของเธอเสมอ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นใกล้ๆบ้านไปช็อปปิ้ง หรือแม้แต่เวลาที่เธอออกไปเล่นกับเพื่อนๆ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://dek-d.com/board/view.php?id=742010